อาการแพ้ท้อง

อาการแพ้ท้องคือความรู้สึกอยากอาเจียนหรือที่เรียกว่าคลื่นไส้ และการอาเจียน ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ แม้ว่าจะเรียกว่าอาการแพ้ท้อง แต่ความจริงแล้วอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน

หลายคนมีอาการแพ้ท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่บางคนก็มีอาการแพ้ท้องตลอดการตั้งครรภ์ การรักษาแบบบ้านๆ เช่น การทานอาหารว่างระหว่างวัน การจิบน้ำอัดลมรสขิง หรือการรับประทานยาที่ซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา อาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้

ในบางครั้ง อาการแพ้ท้องรุนแรงมากจนกลายเป็นภาวะไฮเปอร์อีเมซิสแกรวีดารัม ซึ่งเป็นภาวะที่คลื่นไส้และอาเจียนทำให้สูญเสียน้ำมาก หรือสูญเสียน้ำหนักมากกว่า 5% ของน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ ภาวะไฮเปอร์อีเมซิสแกรวีดารัม อาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

อาการคลื่นไส้ อาจมีหรือไม่มีอาการอาเจียน เป็นอาการที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้องมักเกิดจากการได้กลิ่นบางอย่างหรือการรับประทานอาหารบางชนิด อาการแพ้ท้องพบได้บ่อยที่สุดในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปจะเริ่มก่อนสัปดาห์ที่เก้า อาการมักจะดีขึ้นในช่วงกลางหรือปลายไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ ติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณหาก: คุณมีปัสสาวะน้อยมากหรือไม่มีเลย และปัสสาวะมีสีเข้ม คุณไม่สามารถดื่มน้ำได้ คุณรู้สึกวิงเวียนหรือเป็นลมเมื่อยืนขึ้น หัวใจของคุณเต้นเร็ว

ติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณหาก:

• คุณมีปัสสาวะน้อยมากหรือไม่มีปัสสาวะเลย และปัสสาวะมีสีเข้ม
• คุณไม่สามารถกลืนของเหลวได้
• คุณรู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมเมื่อลุกขึ้นยืน
• หัวใจของคุณเต้นเร็ว

สาเหตุของอาการแพ้ท้องไม่เป็นที่รู้จัก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจมีบทบาท ในบางครั้ง อาการเจ็บป่วยทางการแพทย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ เช่น โรคไทรอยด์หรือโรคถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างรุนแรงได้

อาการแพ้ท้องอาจส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ตั้งครรภ์ แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้:

• เคยมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนจากสาเหตุอื่นก่อนตั้งครรภ์ เช่น อาการเมาเรือหรือไมเกรน
• เคยมีอาการแพ้ท้องในระหว่างตั้งครรภ์ครั้งก่อน
• ตั้งครรภ์ฝาแฝดหรือมากกว่า

ภาวะแพ้ท้องรุนแรงอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้:

• ตั้งครรภ์ลูกสาว
• มีประวัติครอบครัวเป็นโรคแพ้ท้องรุนแรง
• เคยมีภาวะแพ้ท้องรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ครั้งก่อน

อาการคลื่นไส้และอาเจียนเล็กน้อยในระหว่างตั้งครรภ์มักจะไม่เป็นอันตราย

หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรงอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่าภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นเกลือในเลือดที่ควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย อาการคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้ออกปัสสาวะน้อยลง งานวิจัยยังไม่ลงตัวว่าภาวะไฮเปอร์อีเมซิสแกรวีดารัมทำให้ทารกในครรภ์น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นน้อยลงหรือไม่

ไม่มีวิธีการใดที่จะป้องกันอาการแพ้ท้องได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินเสริมทุกวันก่อนและระหว่างตั้งครรภ์อาจช่วยได้

โดยทั่วไปแล้ว การวินิจฉัยอาการแพ้ท้องจะขึ้นอยู่กับอาการต่างๆ หากผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณสงสัยว่าคุณเป็นโรคแพ้ท้องอย่างรุนแรง คุณอาจต้องได้รับการตรวจร่างกายพร้อมกับการตรวจปัสสาวะและเลือด